When marnie was there ความต่างระหว่างนิยายและภาพยนต์
เมื่อเดือน กันยายน ที่่ผ่านมานี้ก็ได้มีโอกาศซื้อหนังสือนิยายสุด Classic อย่าง When marnie was there (ในวันที่มานีย์ไม่อยู่) มานั่งอ่านรอข่าวคราวของ Bayonetta 3 ที่จนถึงปัจจุบันยังไม่มาซักที555555😂 แต่เพราะหนังสือเล่มนี้มันทำให้ความทรงจำที่ได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อ 5 ปีก่อนได้พลั่งพลูย้อนกลับมาเหมือนได้พบเจอมานีย์อีกครั้ง💙 ทำให้มีโม้เม้นดีๆเกิดขึ้นในชีวิตมากมายทั้งได้เอาเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ(คือคุยกันแบบเปิดกล้องด้วยไงเรานี่คือหยิบทั้งหนังสือทั้งแผ่นเรียกง่ายๆหยิบทั้ง collection มาให้ดูเลยว่าของเค้าดรีย์จิงยูต้องไปดูนาาา555555) ได้เอาเรื่องนี้ไปล้างสมองรุ่นน้องให้มาดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบมากและได้กลายมาเป็นแฟนเรื่องนี้อีกคนและได้ขายตรงหนังสือรัวๆ(เอะ?😂) แต่โดยส่วนตัวแล้วการอ่านนิยายเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนไม่ชอบตัวหนังสือเยอะๆแบบเราแต่ด้วยความที่เป็นแฟนเรื่องนี้มาถึง 5 ปีแล้วก็เลยบอกในใจว่า "เอาว่ะะ ลองเปิดใจอ่านดูละกัน" แล้วหลังจากนั้นก็กระโดดตีลังกาเข้าแอพ shopee ไปกระหน้่ำปุ่มซื้อหนังสือเล่มนี้มาอย่างเมามัน (แล้วจะตีลังกาเพื่อ55555) แต่หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเปิดโลกครั้งใหม่กับเราเลย
ทำให้เราลงทุนมานั่งเขียน Blog นี้เพื่อมาวิเคราะห์เกี่ยวกับ นิยายและหนังอย่าง When marnie was there นั่นเอง💖
งั้นมาเริ่มกันเลยยย
ความแตกต่างของนิยายและภาพยนต์
โดยในตอนซื้อมาตอนแรกนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าตัวหนังของ Ghibli ได้มีการดัดแปลงเนื้อหาบางส่วนให้เข้ากับยุคสมัยและวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งทำออกมาได้ลงตัวมากๆแต่ยังคงความ modern classic ไว้อยู่โดนส่วนที่มีความแตกต่างระหว่าง 2 เวอร์ชั่นนี้นั่นก็คือ
1.การพรรณาคิดถึงมานีย์ของอันนาทั้ง 2 เวอร์ชั่นต่างกัน
Art by : icejiinhalamy |
ในเวอร์ชั่นหนังของ Ghibli ได้ปรับแต่งให้ตัวละครอย่างอันนาเป็นเด็กที่ชอบการวาดรูปซึ่งต่างกับเวอร์ชั่นหนังสือที่เป็นแค่เด็กสาวอายุ 12 ที่ชอบเดินเที่ยวเล่น
ทำให้การพรรณาคิดถึงมานีย์ของอันนาทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยในเวอร์ชั่นหนังนั้นเราจะได้เห็นอันนานั้นชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจนั่นจึงทำให้เธอวาดรูปมานีย์อยู่ตลอดเวลาแทนการพรรณาคิดถึงมานีย์ไม่ว่าจะตอนตื่นเอย ตอนก่อนนอนเอย(ก่อนนอนก็หยิบรูปมานีย์มาดูซักนิสแล้วก็หลับตาฝันฉันฝันถึงเธอๆ~~~~ เพลง The toys นี่ลอยมาเลย😅)ซึ่งตรงนี้เราชอบมากเป็นการปรับแต่งที่ดูลงตัวและเข้ากับนิสัยของอันนาที่เป็น Introvert อย่างมาก
แต่ทีนี้พอมาเวอร์ชั่นนิยายของปี 1967 อันนาไม่ได้ชอบการวาดรูปในแบบที่หนังเป็น ทำให้การรพรรณาคิดถึงมานีย์นั้น "ฮาร์ดคอ" กว่าเยอะ5555555 เพราะในเวอร์ชั่นนี้อันนาจะโหยหามานีย์อย่างมากจนถึงมากที่สุดเรียกง่ายๆว่าชีวิตนี้ขาดมานีย์ไม่ได้เลยวันใหนไม่เจอมานีย์ก็จะนอนร้องไห้คิดถึงมานีย์พอเจอก็จะดีใจร้องไห้ด้วยความคิดถึงเรียกง่ายๆว่าติดมานีย์งอมแงมเลย55555555
2.ความเป็น LGBT ในตัวหนังและตัวนิยาย👭
Art by : icejiinhalamy |
คงบอกได้เลยว่า When marnie was there นั้นมีกลิ่นอายความเลสเบี้ยนสูงมากกกกกแต่ในสมัยก่อน
(ประมาณ 60 ปีที่แล้ว) สังคมยังไม่ได้เปิดกว้างเรื่อง LGBT เหมือนในปัจจุบันทำให้ Joan G. Robinson
ผู้เขียนเรื่องนี้ไม่สามารถใส่ความเลสเบี้ยนแบบจัดเต็มได้แต่ด้วยความจีเนียสของเธอ เธอเลยเขียนให้มัน"กำกวม"ซะเลยทั้งคำพูดและการกระทำระหว่าง2คนนี้เลยโครต"กำกวม"สุดๆ5555 ซึ่งเวอร์ชั่นหนังก็ได้ลดความกำกวมลงมานิสนึงพร้อมกับสแมชความ Yuri เข้าหน้าคนดูจนจิ้นกันกรี๊ดกร๊าดกันเลยทีเดียว😂
คือพูดธรรมดากะได้ป่ะะะะะจะกระซิบข้างหูกันทำมายยย~~ ทำเอาตอนอ่านเรานี่เอะ?เป็นช่วงๆกันเลยทีเดียว5555555😂😂😂
ซึ่งจนแล้วจนรอด Joan G. Robinson ก็ไม่บอกอยู่ดีว่าความสัมพันธ์ทั้ง 2 คนนี้คือยังไงกันแน่ปล่อยให้คนอ่านถกเถียกกันมาจนถึงปัจจุบันนี้💆 และนี่แหละความจีเนียสของ Joan G. Robinson ในเมื่อยุคนั้นสังคมไม่ยอมรับ LGBT งั้นเราเขียนให้กำกวมซะเลย55555555
(แต่เสียงส่วนมากไปในทางเดียวกันหมดเลยว่า "คู่นี้เลสเบี้ยนแน่ๆ"😂)
"ฉันไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย"
เป็นการทำให้เห็นชัดเลยว่ามานีย์เวอร์ชั่นนี้ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ในเวอร์ชั่นนิยาย
Art by: 千里GAN |
ทั้งใจเย็น อ่อนโยน และดูมีวุฒิภาวะมากแถมยังมีความ Strong แบบหญิงแกร่งสุดๆจนเหมือนกับตัวมานีย์จากอดีตข้ามกาลเวลามาหาอันนาเลยทีเดียว
(ซึ่งเราคิดว่าเป็นอย่างงั้นจริงๆเพราะว่าบุคลิกของมานีย์ในวัยเท่านี้แต่กลับมีวุฒิภาวะเหมือนกับผู้ใหญ่ ทำให้คนดูคิดว่ามานีย์ในเวอร์ชั่นหนังเป็นมากกว่าแค่จินตนาการของอันนาแล้วหละ)
ด้วยเหตุนี้ทำให้คนหลงรักมานีย์ในเวอร์ชั่นภาพยนต์กันแบบถ้วนหน้าเลยทีเดียวว
แต่ถึงกระนั้นบทบาทของมานีย์ก็ยังเหมือนกันทั้ง 2 เวอร์ชั่นนั่นก็คือมาเติมเต็มส่วนที่หายไป
ของอันนานั่นเอง
โดยในเวอร์ชั่นหนังกับนิยายนั้นสถานที่จะแตกต่างกันเนื่องจากในเวอร์ชั่นภาพยนต์ของ Ghibli นั้นได้ทำการปรับเปลี่ยนสถานที่จาก
Mochirippunuma hokaido |
Burnham Overy Staithe, in Norfolk 6.เสียงนกเป็นตัวบ่งบอกอารมณ์ของอันนา Art by : Lisk Feng |
(Bayonetta bloody fate ยังต้องชิดซ้ายจนติดขอบ55555)
ถ้าจะให้พูดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คงพูดได้อีกเยอะเลยเพราะว่าเรื่องนี้มันแฝงไปด้วยอะไรหลายๆอย่างเป็นทั้งภาพยนต์และหนังสือที่ทรงคุณค่า ความรู้สึก ลุ่มลึกชวนน่าหลงใหล เกิดขึ้นตลอดทางการอ่านและดูเรื่องนี้ไม่ว่าจะหยิบมาดู มาอ่านกี่รอบหนังเรื่องนี้ก็ยังมี impact อยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย เป็นอะไรที่ตราตรึงหัวใจจวบจนวันนี้เลย สำหรับใครที่ยังไม่ได้ลองอ่านเวอร์ชั่นนิยายเราแนะนำให้ไปลองหาอ่านหาซื้อได้เลยครับเพราะสำนักพิมพ์ไทยได้เอามาแปลไทยแล้วและแปลได้ดีมากกกกก ถึงแม้นิยายจะเขียนในปี 1967 แต่พอได้อ่านแล้วเราจะรู้สึกผูกพันไปกับเรื่องนี้ ทำให้อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆไม่อยากให้จบเลย แต่ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไปพอเราอ่านถึงหน้าสุดท้ายก็ใจหายเหมือนกันเหมือนกับตอนที่มานีย์ได้จากไปฟิลลิ่งอย่างงั้นเลยคือรู้สึกผูกพันมากกก😭😭😭 และใครที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้กรุณากระโดดตีลังกาเข้า Nerflix ไปดูบัดเดี๋ยวนี้😂
.
เอาหละถึงเวลาแล้วที่ Voocartoon จะต้อง "Was There" แล้วหวังว่าจะได้มีโอกาศกลับมาเขียน Blog อีกสักวันครับ ลาก่อน บะบายยยย 🙋
Facebook fanpage : https://www.facebook.com/Voocartoon
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น